วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
กันดั้มบิลด์ไฟท์เตอร์
วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553
โมบิลสูทกันดั้มดับเบิ้ลโอ เดอะมูฟวี่
กันดั้ม 00 Movie : A Wakening ของ Trailblazer (劇場版機動戦士ガンダム00) ออกอากาศ : 18 กันยายน 2010 ผู้ผลิต : Sunrise เนื่องด้วยเป็นเนื่อเรื่องเหตุการณ์ต่อจากตอนที่2ของอนิเมชั่นกันดั้มดับเบิ้ลโอ- UVERworld's CHANGE
- UVERworld's Qualia
- Back Horn's "Closed World" (閉ざされた世界)
- Chiaki Ishikawa's "Afraid of anything anymore, I'm not scared" (もう何も怖くない、怖くはない)
วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
กันดั้มเอสดีฟอร์ซ : กันดั้มจิ๋วจอมพลัง
กันดั้มเอสดีฟอร์ซ (Gundam SD Force : SDガンダムフォース) ผู้สร้างยูอิจิ อาเบะ ญี่ปุ่น / อเมริการ่วมผลิต,กันดั้มเอสดีฟอร์ซ เริ่มออกอากาศในการ์ตูนเครือข่ายในสหรัฐอเมริกาที่ 26 ตอนและในภายหลังทีวีโตเกียวในประเทศญี่ปุ่น 52 ตอนทำให้ชุด Gundam ยาวถึงวันที่ รายการโทรทัศน์เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นคนแรกที่ไม่ได้ออก VHS และวิดีโอออกบ้านของมีเฉพาะในแต่ละ DVD กับ DVD มี 3 ตอนแต่ละ แต่สุดท้าย 26 ตอนมีตอนที่ไม่ได้ออกอากาศโทรทัศน์ในอเมริกา แฟนคลับขอร้องให้ออกอากาศ สำหรับครึ่งหลังจะออกและในปี 2008 ล่าสุด 26 ตอนถูกปล่อยออกมาในภาษาอังกฤษเป็นการภากษ์ภาษาในDVD
เรื่องย่อ
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
โมบิลอาเมอร์
ชื่อ Mobile Armour เป็นคำย่อของ Mobile All Range Maneuverability Offence Utility Reinforcement โมบิลอาเมอร์ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท MIP เพื่อเป็นอาวุธหลังการพัฒนาเตาปฏิกรณ์ฟิวชั่นไมนอฟสกี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นเตาปฏิกรณ์ที่มีขนาดเล็กแล้วยังสามารถกระจายอนุภาคไมนอฟสกี้ซึ่งสามารถรบกวนคลื่นวิทยุรวมทั้งเรดาร์ได้ แต่ในการแข่งขันกับโมบิลสูท ZI-XA3 ของบริษัทซีโอนิค โมบิลอาเมอร์รุ่นต้นแบบ MIP-X1 นั้นใช้ท่อขับดันในการขับเคลื่อนเท่านั้น จึงมีเวลาในการปฏิบัติการที่สั้นกว่าโมบิลสูทซึ่งใช้ระบบ AMBAC (Active Mass Balance Auto Control) ซึ่งทำให้โมบิลสูทสามารถควบคุมทิศทางในอวกาศได้โดยการขยับแขนและขาโดยไม่ต้องใช้ท่อขับดัน โมบิลสูทจึงได้รับเลือกให้เป็นอาวุธหลักของอาณาจักรซีอ้อน แต่โมบิลอาเมอร์ได้รับการผลิตในภายหลังเพื่อรองรับอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะติดตั้งไว้กับโมบิลสูทได้ ซึ่ง MIP-X1 นั้นได้รับการดัดแปลงเป็น MA-05 บิโกร โดยติดตั้งแขนกลเข้าไปเพื่อให้สามารถใช้ระบบ AMBAC ปรับทิศทางในอวกาศได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตโมบิลอาเมอร์สูงกว่าโมบิลสูทมากจึงมีการผลิตในจำนวนจำกัดเท่านั้น
ในช่วงสงครามหนึ่งปีนั้น มีเพียงอาณาจักรซีอ้อนเท่านั้นที่ใช้งานโมบิลอาเมอร์ แต่หลังจากศักราช UC 0085 สหพันธ์โลกได้เริ่มใช้งานโมบิลอาเมอร์ โดยตั้งแต่ช่วงของศึกกรีปส์ โมบิลสูทและโมบิลอาเมอร์บางรุ่นมีความสามารถในการแปลงร่างเป็นอีกแบบเพื่อให้เหมาะแก่การใช้งานตามสถานการณ์ได้ แม้จะไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าโมบิลสูท แต่ก็มีการใช้งานโมบิลอาเมอร์ต่อมาโดยกองกำลังต่างๆจนถึงสงครามซันสคาร
เท่าที่ปรากฏในภาคจีกันดั้ม มีเพียงนีโอเจแปนเท่านั้นที่ใช้งานโมบิลอาเมอร์เต็มรูปแบบ โดย JDG-009X เดวิลกันดั้มมีรูปร่างแบบโมบิลอาเมอร์ และในตอนที่กองทัพนีโอเจแปนพยายามจับเดวิลกันดั้มนั้นได้ใช้งานโมบิลอาเมอร์ JMA-27T แฟนโทม่า
ในศักราช After Colony นั้นไม่มีโมบิลอาเมอร์เต็มรูปแบบ มีเพียงโมบิลสูทบางรุ่นที่สามารถแปลงร่างเป็นโมบิลอาเมอร์ได้เท่านั้น
โมบิลอาเมอร์ในศักราช After War เป็นอาวุธที่ใช้งานโดยกองกำลังปฏิวัติอวกาศในช่วงสงครามอวกาศครั้งที่ 7 แต่หลังจากโลกตกอยู่ในสภาพหลังหายนะก็ไม่มีโมบิลอาเมอร์รุ่นใหม่ของกองกำลังปฏิวัติอวกาศอีก ในขณะที่มีการใช้งานโมบิลสูทขนาดเล็กทั้งโดยพลเรือนและสหพันธ์โลกซึ่งก่อตั้งขึ้นใหม่
ในช่วงแรกของเทิร์นเอกันดั้มนั้น ชาวจันทราใช้โมบิลอาเมอร์ขนาดใหญ่คือ JMA0530 วอโดม และในช่วงหลังได้ขุดพบโมบิลสูทที่แปลงร่างเป็นโมบิลอาเมอร์ได้คือ MRC-F31/J-2126 มุทโทวู
โมบิลอาเมอร์ในศักราช Cosmic Era เป็นอาวุธที่กลุ่มพันธมิตรโลกพัฒนาขึ้นในขณะที่โคออดิเนเตอร์พัฒนาโมบิลสูท โมบิลอาเมอร์สามารถควบคุมง่ายกว่าแต่ก็มีพลังในการต่อสู้ต่ำกว่าโมบิลสูทอย่างมาก โดยเมื่อเทียบกับโมบิลสูท ZGMF-1017 จินน์ของซาฟท์แล้ว โมบิลอาเมอร์ TS-MA2 โมเบียส มีพลังในการต่อสู้ที่ด้อยกว่ามาก โมบิลอาเมอร์ในกันดั้มซี้ดมักมีลักษณะคล้ายกับเครื่องบินรบและมีขนาดเล็ก แต่ในภาคต่อ กันดั้มซี้ดเดสทินีก็ได้มีการพัฒนาโมบิลอาเมอร์ขนาดใหญ่ที่มีพลังในการต่อสู้สูงกว่าโมบิลสูททั่วไปออกมาเช่นกัน
โมบิลอาร์เมอร์ในศักราช Anno Dominic ไม่ค่อยมีปรากฏออกมามากนัก แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นอาวุธรบที่ถูกนำมาใช้งานในสงครามเสียส่วนใหญ่ ทั้งการใช้ในการรบโดยตรง หรือใช้เป็นอุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพของโมบิลซูทอย่าง Aggressor โดยโมบิลอาร์เมอร์จะมีสมรรถณะที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานในแต่ละช่วง แต่ในเนื้อเรื่องช่วงท้ายได้มีการปรากฏโมบิลอาร์เมอร์ที่ติดตั้งระบบเตาพลังงาน GN Drive ซึ่งประสิทธิภาพในการรบสูงอย่าง Alvatore ออกมา
โมบิลสูทกันดั้มเซนทิเนล
โมบิลสูทกันดั้มเซนทิเนล (ガンダム・センチネル, Gandamu Senchineru) เป็นนวนิยายชุดในระยะเวลา Universal Century ของจักรวาลกันดั้ม, เป็นอันดับแรกในนิตยสาร Model Graphix ระหว่างกันยายน 1987 และสิงหาคม 1988 Gundam Sentinel เป็น cult hit เนื่องจาก super - รายละเอียดของการออกแบบเครื่องกลและเรื่องซับซ้อนโดยเขียนประสบการณ์ Masaya Takahashi ชุดระหว่างช่วงสุดท้ายของ Mobile Suit Zeta Gundam และระยะแรกของ ZZ Gundam ใน UC 0088 เรื่องราวแสดงความพยายาม Earth Federation เพื่อหยุดการจลาจลของเจ้าหน้าที่สภา
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
โมบิลสูทกันดั้มยูนิคอร์น
โมบิลสูทกันดั้มยูนิคอร์น เป็นไลท์โนเวลของซีรีส์กันดั้ม ประพันธ์โดยฮารุโทชิ ฟุคุอิ ออกแบบเครื่องกลโดยฮาจิเมะ คาโทกิ ความยาวสิบเล่ม ปัจจุบันก็ถูกนำมาตีพิมพ์เป็นภาษาไทยแล้ว[ต้องการอ้างอิง] โดยสองเล่มแรกจะมีชื่อตอนว่า "วันแห่งยูนิคอร์น" และเล่มที่สามจะมีชื่อว่า "การกลับมาของดาวหางสีแดง"นอกจากนั้นยังมีการประกาศสร้างเป็นโอวีเอความยาวห้าสิบนาที ความยาวหกตอนจบ
สามปีหลังจากที่ชาร์ อัสนาเบิ้ลได้หายสาปสูญไปพร้อมกับอามุโร่ หรือในภาค โมบิลสูทกันดั้ม : ชาร์ เคาน์เตอร์ แอทแทค vist foundation องค์การรายหนึ่ง ได้ครอบครองกล่องของ ลาพลาส มาโดยบังเอิญ แต่ผู้นำของ vist foundation รุ่นที่สอง กลับจะต้องการส่งกล่องของลาพลาสให้กับพวกนีโอซีอ้อน โดยได้เชิญทั้งฝ่ายสหพันธ์และนีโอซีอ้อนมาร่วมการประชุมเพื่อมอบกล่องของลาพลาส แต่ เจ้าหญิงแห่งเนโอ ซีออน มิเนอร์ว่า ซาบี้ซึ่งได้ใช้ชื่อปลอมว่า audrey bahn และแอบติดมากับกองยาน ได้พยายามที่จะบอกให้ vist foundation ให้หยุดการกระทำ มันอาจจะนำมาซึ่งสงครามครั้งใหญ่ แต่สถาณการกลับแย่ลง เมื่อกองทัพสหพันธ์ได้บุกโจมตี เพื่อที่จะชิง กล่องของลาพลาสมาไว้ ในขณะนั้นเอง บาร์นาช ลิงก์ ได้บังเอิญช่วยมิเนอร์ว่าไว้ โชคชะตาชิขิตให้เขาต้องมาพัวพันกับสงครามเนโอซีออน ครั้งที่สาม และการกลับมาของ ฟูล ฟรอนทัล ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่า การกลับมาของชาร์ ทำสงครามครั้งสุดท้ายกับสหพันธ์โลก

โมบิลสูทกันดั้มดับเบิลโอ

เรื่องย่อ
หนังการ์ตูนเรื่องนี้เริ่มต้นโดยมีฉากเบื้องหลังคือโลกในปี A.D. (คริสต์ศักราช) ที่ 2307 มนุษย์ได้คิดค้นสร้างลิฟท์ขึ้นสู่วงโคจรนอกอวกาศและระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์นอกชั้นบรรยากาศโลกและเริ่มใช้จริงเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานทดแทนพลังงานน้ำมันที่ถูกขุดขึ้นมาใช้จนเกือบหมด แต่ในการก่อสร้างระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์นี้จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนก่อสร้างอย่างมหาศาล ซึ่งผู้ที่ถือครองกรรมสิทธิ์และได้รับผลประโยชน์นั้น มีเพียง 3 ขั้วมหาอำนาจเท่านั้น ได้แก่ Union ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สัมพันธมิตรเพื่อการปฏิรูปมนุษย์ที่นำโดยจีน รัสเซีย อินเดีย และ AEU หรือสหภาพยุโรป ซึ่งขั้วมหาอำนาจทั้งสามถึงแม้จะไม่ก่อสงครามต่อกันถึงขั้นแตกหักต่อกันก่อตาม ต่างฝ่ายต่างก็แข่งขันกันคิดค้นพัฒนายุทโธปกรณ์ทางการทหารกันอย่างไม่ยั้งมือ เกิดเป็นสงครามเย็นที่ดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้ต่อไปโดยไม่มีวันจบ ส่วนประเทศขนาดเล็กที่ไม่ได้เข้าร่วมขึ้นอยู่กับขั้วมหาอำนาจใดเลย ต้องตกอยู่ในสภาวะยากไร้ขาดแคลน มีการต่อสู้แย่งชิงและเกิดสงครามภายในประเทศขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในยุคแห่งความวุ่นวายสับสนเช่นนี้ องค์กรลับนาม เซเลสเชียลบีอิงก์ ได้ถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อการต่อต้านและหยุดยั้งสงครามทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในโลก โดยใช้อาวุธที่ใช้เตาพลังงานแสงอาทิตย์ GNไดรฟ์ นาม "กันดั้ม" ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าอาวุธในปัจจุบันเพื่อการดำเนินแผนการณ์ตามอุดมการณ์ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
Season 2
ปีคริสต์ศักราช 2312 ภายหลังสงครามครั้งใหญ่ระหว่างเซเลสเชียลบีอิงก์กับกองกำลังสามขั้วอำนาจโลก เหล่าขั้วอำนาจได้รวมตัวกันก่อตั้งสหพันธ์โลกขึ้นมา ซึ่งมีกองกำลังของตนเองเพื่อความมั่งคงและการรักษา ความสงบเรียบร้อยภายในโลก และได้มีการก่อตั้งกองกำลังอิสระนามว่า A-laws ซึ่งมีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาความสงบเรียบร้อยของโลกใบนี้ หากแต่เบื้องหลังนั้น A-laws เป็นกำลังที่จะกำจัดผู้ที่ขัดขืนต่อต้าน สหพันธ์โลกด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมและเด็ดขาด เหล่าผู้คนที่ไม่พอใจต่อการกระทำนี้จึงรวมตัวกันก่อตั้งกองกำลังต่อต้านในนาม "คาตารอน" (Kataron) ขึ้นมาเพื่อต่อสู้ ทำให้โลกยังไม่อาจจะพบสัญญาณแห่งความสงบสุข ได้เลย และภายใต้ความสับสนวุ่นวายที่กำลังคุกรุ่นอยู่ตอนนี้นั้น กองกำลังเซเลสเชียลบีอิงก์ซึ่งได้รับการฟื้นฟูขั้นใหม่ได้พร้อมที่จะแสดงตนเองเพื่อยับยั้งสงครามครั้งใหม่นี้อีกครั้ง
ผู้สร้าง - ฮาจิเมะ ยาทาเตะ, โยชิยูกิ โทมิโนะ
ผู้เขียนบท - โยสุเกะ คุโรดะ
ออกแบบตัวละคร - ยุน โคงะ, มิจิโนริ จิบะ
ออกแบบหุ่นยนต์ & เครื่องจักร - คาเนะทาเกะ เอบิคาวะ, ทากายูกิ ยานาซะ, คุนิโอะ โอคาวาระ, เซอิจิ นากาทานิ
ดนตรีประกอบ - เคนจิ คาวาอิ
กำกับศิลป์ - ทาเคชิ ซาโต้ (KUSANAGI)
ควบคุมการบันทึกเสียง - มาซาฟุมิ มิมะ
ผู้กำกับ - เซจิ มิซึชิมะ
ผลิตแอนิเมชัน - ซันไรส์

เพลงประกอบ
เพลงเปิดเรื่อง (Opening)
"Daybreak's Bell" โดย L'Arc~en~Ciel(ตอนที่ 1-13)
"Ash Like Snow" โดย The Brillant Green (ตอนที่ 14-25)
"儚クモ永久のカナシ" (Hakanaku no Towa no Kanashi) โดย UVERworld (ซีซั่น2 ตอนที่1-13)
"泪のムコウ" (Namida no Mukou) โดย Stereo pony (ซีซั่น 2 ตอนที่ 14-25)
เพลงจบ (Ending)
"罠" (Wana) โดย The Back Horn (ตอนที่ 1-13)
"Friends" โดย Stephanie (ตอนที่ 14-25)
"Prototype" โดย Ishikawa Chiaki (ซีซั่น 2 ตอนที่1-13)
"Trust you" โดย Yuna Ito (ซีซั่น 2 ตอนที่ 14-25)
เพลงแทรก (Insert)
"Love Today" โดย Taja (ตอนที่ 18 และ ตอนที่ 24)
"Unlimited Sky" โดย tommy Heavenly 6 (ซีซั่น 2 ตอนที่ 7 และตอนที่ 18)
"Tomorrow" โดย มารินะ อิสมาอิล (สึเนะมัตสึ อายูมิ) (ซีซั่น 2 ตอนที่ 15)







