วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โมบิลสูทเซต้ากันดั้ม

MSZ-006 เซต้ากันดั้ม (ญี่ปุ่น: Ζ ガンダム;อังกฤษ:Z Gundam)เป็นโมบิลสูทตัวเอกเครื่องที่สองของการ์ตูนญี่ปุ่น อะนิเมะซีรีส์โมบิลสูทเซต้ากันดั้มและมีบทบาทสำคัญต่อมาในโมบิลสูทกันดั้มดับเบิ้ลเซต้า ออกแบบโดยคาซุมิ ฟุจิตะ คำว่าเซต้าในชื่อเซต้ากันดั้มมาจากอักษรกรีก(ζ) ซีต้า
เนื้อเรื่อง
เซต้ากันดั้มเป็นโมบิลสูทสำคัญที่พัฒนาโดยบริษัทแอนาไฮม์อิเล็กทรอนิกตามโครงการโปรเจกต์เซต้าเพื่อพัฒนาโมบิลสูทที่สามารถแปลงร่างได้ ในช่วงแรกของการพัฒนาเซต้ากันดั้มนั้นประสพปัญหาสำคัญที่โครงสร้างซึ่งใช้กับโมบิลสูทโดยทั่วไปนั้นไม่สามารถใช้การได้ จนกระทั่งได้โครงสร้างแบบมูฟเอเบิ้ลเฟรมของกันดั้มมาร์คทูว์มาศึกษา ซึ่งในขณะนั้นคามิว บีดันนักบินของกลุ่มต่อต้านสหพันธ์โลกซึ่งเป็นอดีตผู้ชนะการแข่งขันออกแบบจูเนียร์โมบิลสูทได้ออกแบบเซต้ากันดั้มไว้เป็นโมบิลสูทในจินตนาการ แต่อัสโตนาจิ เมดอสโซ วิศวกรประจำยานอากาม่าได้นำมาปรับปรุงแล้วส่งไปให้แอนาไฮม์อิเล็กทรอนิกพิจารณาและกลายเป็นรูปแบบของเซต้ากันดั้มที่สมบูรณ์
เซต้ากันดั้มมีไบโอเซ็นเซอร์ที่เป็นระบบไซคอมมิวขนาดเล็กทำให้นักบินที่เป็นนิวไทป์สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซต้ากันดั้มสามารถแปลงร่างเป็นยานเวฟไรเดอร์เพื่อเร่งความเร็วและสามารถบินในชั้นบรรยากาศโลกได้ ซึ่งเกราะด้านหลังของเซต้ากันดั้มจะเป็นพลังก์อาร์เมอร์สำหรับกันความร้อนขณะการเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกในร่างเวฟไรเดอร์ ดาบบีมเซเบอร์ของเซต้ากันดั้มจะเก็บไว้ที่เอวและสามารถใช้ยิงเป็นบีมกันในร่างเวฟไรเดอร์ได้ ที่แขนของเซต้ากันดั้มติดตั้งเกรเน็ดลันเชอร์สองลำกล้อง และสามารถใช้งานไฮเปอร์เมก้าลันเชอร์ซึ่งเป็นบีมลันเชอร์อานุภาพสูงซึ่งพัฒนามาจากเมก้าบาซูก้าลันเชอร์ของเฮียะกุชิกิให้มีขนาดเล็กลงและใช้งานได้ง่ายขึ้น ส่วนปลายของไฮเปอร์เมก้าลันเชอร์ติดบีมเซเบอร์ไว้จึงสามารถใช้เป็นเหมือนดาบยาวได้ บีมไรเฟิลของเซต้ากันดั้มก็สามารถใช้เป็นบีมเซเบอร์ได้
เซต้ากันดั้มได้รับการประจำการบนยานอากาม่าโดยเป็นโมบิลสูทประจำตัวของคามิว บีดันตลอดช่วงศึกกรีปส์ ในช่วงสงครามนีโอซีอ้อนครั้งที่หนึ่งซึ่งคามิวอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถควบคุมโมบิลสูทได้อีก เซต้ากันดั้มซึ่งยังประจำการบนยานอากาม่าได้เป็นโมบิลสูทของนักบินรุ่นใหม่ คือจูโด้ อาชิตะและต่อมาได้เปลี่ยนไปให้ลู ลูก้า
แซดพลัสซีรีส์
โมบิลสูทแบบแปลงร่างได้ซึ่งพัฒนาต่อมาจากเซต้ากันดั้มซึ่งมีบทบาทสำคัญในนิยายกันดั้มเซนติเนลและนับเป็นรุ่นผลิตจำนวนจำกัดของเซต้ากันดั้ม แซดพลัสซีรีส์ได้รับการออกแบบโดยฮาจิเมะ คาโทกิ
แซดพลัสยังใช้โครงสร้างหลักที่ใกล้เคียงกับเซต้ากันดั้ม แต่ไม่มีไบโอเซนเซอร์และพลังก์อาเมอร์เพื่อใช้ลดค่าใช้จ่ายในการผลิต อาวุธของแซดพลัสส่วนใหญ่จะประกอบด้วยบีมเซเบอร์ ปืนวัลแคนและบีมแคนน่อนติดเอวสองกระบอก แซดพลัสนั้นมีการผลิตเป็นรุ่นต่างๆกันตามการใช้งาน ซึ่งรุ่นต่างๆประกอบด้วย
- MSZ-006A1 แซดพลัสเอ1 แซดพลัสสำหรับใช้งานบนโลกโดยผลิตเป็นจำนวนจำกัดให้นักบินของกลุ่มคาราบาใช้งาน ในหนังสือ Model Graphix Gundam WARS III: Gundam Sentinel มีแซดพลัสซึ่งทาสีแดงและขาวซึ่งใช้รหัส MSK-006 พร้อมระบุว่าเป็นโมบิลสูทประจำตัวของอามุโร่ เรย์ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าอามุโร่เคยเป็นนักบินของแซดพลัสเอ1จริงหรือเป็นเพียงแผนการโฆษณาของแอนาไฮม์อิเล็กทรอนิกเท่านั้น ใน Gundam WARS IIIยังมี MSZ-006A1B ซึ่งเป็นแซดพลัสA1ที่ไม่สามารถแปลงร่างได้เพื่อใช้งานในโหมดเวฟไรเดอร์เท่านั้น
- MSZ-006A2 แซดพลัสเอ2 ดัดแปลงมาจากรุ่นเอ1โดยติดตั้งปืนไฮเมก้าแคนน่อนเพื่อเก็บข้อมูลมาพัฒนาต่อ มีการดัดแปลงแซดพลัสเอ2เป็นจำนวนหกเครื่อง แต่ถูกทำลายในการต่อสู้เสียสามเครื่อง
- MSZ-006B แซดพลัสบี เป็นแซดพลัสที่ใช้ห้องควบคุมแบบสองที่นั่งสำหรับให้นักบินที่ไม่คุ้นกับโมบิลสูทแบบแปลงร่างได้ใช้ฝึกซ้อม ลักษณะอื่นๆโดยรวมจะคล้ายกับแบบเอ1 ใน Gundam WARS IIIยังมี MSZ-006BN ซึ่งเสริมประสิทธิภาพของเซนเซอร์และมีส่วนปีกที่กว้างกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กลางอากาศและสามารถปฏิบัติการในระดับความสูงที่ต่ำเพื่อโจมตีภาคพื้นดินได้ดี
- MSZ-006C1 แซดพลัสซี1 แซดพลัสแบบใช้งานในอวกาศโดยผลิตเป็นจำนวนจำกัดให้สหพันธ์โลก แบ็คแพ็คด้านหลังมีท่อขับดันเสริมสี่จุด นอกจากอาวุธมาตรฐานของแบบเอ1แล้ว แซดพลัสซี1ยังสามารถติดตั้งปืนบีมสมาร์ทกันซึ่งเป็นบีมแคนน่อนอานุภาพสูงที่มีเซนเซอร์เล็งอัตโนมัติ แซดพลัสซี1ทั้งหมดของสหพันธ์โลกถูกใช้ในการต่อสู้กับกลุ่มนิวดีไซด์ ใน Gundam WARS IIIยังมี MSZ-006C1[Bst] แซดพลัส "ฮัมมิงเบิร์ด" ซึ่งเป็นแซดพลัสซี1ที่ติดตั้งบูสเตอร์ขนาดใหญ่และถังเชื้อเพลิงเพื่อเร่งความเร็ว รวมถึงได้ติดตั้งอาวุธเพิ่มเติม
- MSZ-006C4 แซดพลัสซี4 แซดพลัสที่เน้นการใช้งานในโหมดเวฟไรเดอร์ โดยเฉพาะการใช้งานในเขตบรรยากาศชั้นสูงและในอวกาศใกล้กับชั้นบรรยากาศ ออกแบบให้ลดแรงเสียดทานและแรงกระแทกที่เกิดขึ้นระหว่างชั้นบรรยากาศ บีมแคนน่อนที่เอวถูกถอดออกไปติดไว้ที่โล่ซึ่งเป็นส่วนหัวของร่างเวฟไรเดอร์แทน
- MSZ-006D แซดพลัสดี แซดพลัสที่เน้นการใช้งานในโหมดเวฟไรเดอร์ ได้รับการเสริมวิงก์ไบน์เดอร์เพื่อเพิ่มสมรรถนะและแบ็คแพ็คได้เสริมเครื่องยนต์ถึงสองเครื่อง ชิ้นส่วนทั้งหมดมีการปรับแต่งเพื่อลดแรงเสียดทานของอากาศ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมรวมถึงระบบควบคุมอาวุธและการบินได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นโมบิลสูทที่มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงพอๆกับเซต้ากันดั้มจึงไม่มีการผลิตใช้งานแต่ใช้เพื่อโฆษณาบริษัทแอนาไฮม์อิเล็กทรอนิกเท่านั้น
- MSZ-006R แซดพลัสอาร์ แซดพลัสที่ใช้ทดสอบระบบอาวุธแบ็คเวพอนซิสเต็มของ RGZ-91 รีกัซซี่จึงมีรหัสอีกชุดว่า RGZ-006
แซดทูว์
โมบิลสูทแบบแปลงร่างได้ที่พัฒนาต่อมาจากเซต้ากันดั้มเพื่อเน้นการใช้งานในอวกาศโดยเฉพาะ โครงสร้างของแซดทูว์เปลี่ยนจากแบบเซต้ากันดั้มไปเป็นแบบ MSA-005 เมธัสและไม่มีไบโอเซนเซอร์เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ร่างโมบิลอาเมอร์ของแซดทูว์ไม่สามารถบินในบรรยากาศโลกได้จึงไม่มีพลังก์อาเมอร์สำหรับใช้ป้องกันความร้อนขณะเข้าสู่บรรยากาศโลก แต่มีความเร็วที่สูงกว่าโหมดเวฟไรเดอร์ของเซต้ากันดั้มเมื่อใช้ในอวกาศ ปืนเมก้าบีมไรเฟิลซึ่งเป็นอาวุธหลักของแซดทูว์มีอานุภาพใกล้เคียงกับไฮเปอร์เมก้าลันเชอร์ของเซต้ากันดั้ม แอนาไฮม์อิเล็กทรอนิกได้เสนอขายแซดทูว์ให้กับกลุ่มต่อต้านสหพันธ์โลกพร้อมกับ MSZ-010 ดับเบิ้ลเซต้ากันดั้ม แต่ถูกปฏิเสธไม่ซื้อจึงไม่มีการสร้างใช้งาน
แซดทูว์เป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ต้นฉบับ เซต้ากันดั้ม โมบิลสูทวาริเอชั่น ออกแบบโดย คาซุมิ ฟุจิตะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น